top of page
Search

Bloody Party คดีฆาตกรรมราตรีสีชาด

  • Writer: moonmay
    moonmay
  • Oct 11, 2021
  • 2 min read

Updated: Oct 12, 2021


 
รุ่งเช้าในฤดูใบไม้ร่วงเดือนพฤศจิกายน ได้มีการรายงานว่าพบศพผู้เสียชีวิตจำนวน 7 ราย และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวน 1 ราย รวมทั้งสิ้น 8 ราย ณ บ้านพักตากอากาศกลางหุบเขา คดีดังกล่าวกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญ เนื่องจากพยานแวดล้อมระบุว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดเสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกัน และมีหลายสาเหตุการตาย ไม่มีใครเข้าออกในบ้านหลังนั้นตลอดทั้งคืนที่ทั้ง 8 รายพักอยู่ที่นี่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวนในเขตพื้นที่...กำลังพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ไขคดีนี้
 



ศพที่ 6 : เซย์กิ เคน

วันที่พายุโหมกระหน่ำ แสงของสายฟ้าที่ผ่าลงมาเพิ่มความสว่างให้ห้องที่มืดสนิท แสงกระทบร่างของเด็กน้อยที่นั่งคุดคู้ตัวสั่นอยู่ที่มุมที่ลึกที่สุดของห้อง เซย์กิ เคน ใคร ๆ ก็เรียกเขาเช่นนั้น เคนเคยคิดที่อยากจะมีครอบครัวอย่างคนอื่นบ้าง และเหมือนพระเจ้าจะได้ยินคำขอของเขา เขาถูกรับเลี้ยงโดยชายคนหนึ่ง เขาบอกให้เคนเรียกเขาว่า พ่อ คำสั้น ๆ คำเดียวที่เขาไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้พูดมันออกมา ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความป็นครอบครัวแต่ถึงแม้ไม่มีแม่เขาก็ยินดี
แต่เขาคิดผิด
คนที่เขาเรียกว่าพ่อ ติดเหล้าจนขาดสติ ลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายเขาทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาหนีเข้ามาในห้องพร้อมร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล พาตัวเองไปนั่งอยู่มุมมืดที่ลึกที่สุด เพียงหวังว่ามันจะไกลและอยู่ห่างผู้เป็นพ่อ มือสั่นเทาพยายามโอบกอดตัวเองไว้ เผื่อมันจะช่วยลดความทรมานนี้ลงได้ หายใจหอบเหนื่อยจากการดิ้นรนเอาชีวิตรอด
ประตูที่กั้นระหว่างเขาและพ่อเปิดออก ใบหน้าของพ่อที่ขาดสติเพราะปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย พ่อเข้าประชิดตัวทันที ทั้งบีบและเขย่าแขนอย่างแรงราวกับมันจะหลุดติดมือพ่อไปด้วย เขาน้ำตาไหลอาบแก้ม ปากพร่ำขอร้องให้หยุดเสียที แต่ร่างกายกลับถูกเหวี่ยงออกไปอีกฟากของห้อง เขาไม่รอให้พ่อเดินมาใกล้พยุงตัวเองให้ลุกขึ้น เศษแก้วกระจายบาดเท้าจนเหวะหวะ เขาไม่มีเวลามาสนใจอะไรนอกจากประตูที่อยู่ตรงหน้า
เขาต้องหนี
ร่างกายตะเกียดตะกายเอาชีวิตรอด อีกไม่กี่ก้าวเขาก็จะรอดจากขุมนรกนี้ แต่ร่างกายเขากลับล้มกระแทกกับพื้นและเป็นจังหวะที่พ่อคว้าขาเขาไว้ได้ พ่อเริ่มลงมือทำร้ายเขาอีกครั้ง
“แกคิดว่าแกจะหนีฉันพ้นหรอไอ้เคน แกจะต้องอยู่กับฉันไปจนแกตาย จำเอาไว้” คำพูดชั่วร้ายได้ออกมาจากปากของคนเป็นพ่อ
ฝ่ามือใหญ่บีบเข้าที่คอ เขามองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาเลือนรางพยายามปัดป่ายมือไปทั่ว หวังเอาชีวิตรอดอีกครั้ง จนในที่สุดเวลาอันยาวนานก็หยุดลงพร้อมหยดน้ำสีแดงที่ตกกระทบลงบนใบหน้าพร้อมกับร่างกายของพ่อที่ทิ้งล้มลง เสียงร้องราวกับจะขาดใจดังขึ้น พ่อนอนกุมคอของตัวเองในขณะที่ของเหลวสีแดงไหลทะลักออกมานองเต็มพื้น ดวงตาเขาเบิกกว้างพร้อมปล่อยเศษแก้วให้ร่วงหล่นจากมือ
เขาฆ่าพ่อของตัวเอง
ร่างไร้วิญญาณและดวงตาที่เบิกโพลงของพ่อที่นอนนิ่งอยู่จ้องมาที่เขาประกอบกับพายุฝนที่โหมกระหน่ำทำให้เขากลัวยิ่งกว่าเดิม เคนทำอะไรไม่ถูกกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป ทุกอย่างดูสับสนวุ่นวาย สายตาก้มลงมองมือเปื้อนเลือดทั้งสองข้าง ตอนนี้เขาสติแตกไปแล้ว ด้วยความกลัวที่ทวีคูณจึงทำให้เคนทิ้งร่างไร้วิญญาณของพ่อเอาไว้และวิ่งหนีออกจากบ้านไป
เคนเดินอยู่ท่ามกลางห่าฝนที่โหมกระหน่ำลงมา สมองขาวโพลนจากเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ร่างกายอิดโรยจากบาดแผลของการเอาชีวิตรอด การหายใจหอบเริ่มติดขัดขึ้นเรื่อย ๆ โรคประจำตัวของเขากำเริบอีกครั้ง เคนพยายามอ้าปากสูดอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่อาการก็เริ่มหนักขึ้นจนทำให้เขาทรุดลงบนถนนอย่างหมดแรง ก่อนที่จะมีแสงไฟจากรถส่องมาที่เขา เสียงหวอของรถดับลง ชายในเครื่องแบบคนหนึ่งวิ่งตรงมาที่เขา
“ไอ้หนู เป็นอะไรมากมั้ย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ชายแปลกในเครื่องแบบถามเขา
“ช่วยผมด้วย” เคนตอบกลับไปด้วยเสียงที่เบาจนแทบจะจับความไม่ได้ก่อนเขาจะหมดสติไป
 

หลังจากคืนนรกนั้นจบลงเวลาได้ผ่านไปได้ 12 ปีได้แล้ว แต่สำหรับเซย์กิ เคน ในวัย 25 ปีนั้นมันไม่ง่ายเลยที่จะลืมได้ลง เขากลายเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใครนัก แต่ด้วยความช่วยเหลือของสารวัตรยามาดะก็ทำให้เขาสามารถผ่านมันมาได้บ้าง และเขาก็คิดอยู่เสมอว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่เขาได้มีชีวิตอยู่ต่อจนถึงตอนนี้ ถ้าไม่มีสารวัตรยามาดะเขาจะยังมีชีวิตรอดจนถึงตอนนี้ไหม
หลังจากที่เคนฟื้นตัวที่โรงพยาบาล ก็ได้สารวัตรยามาดะที่คอยยื่นมือเข้ามาช่วยในการทำคดีการตายของพ่อเลี้ยงของเขาจนเขาพ้นผิดและกลายเป็นเพียงเหยื่อจากสถานการณ์อันเลวร้ายในครั้งนั้น และความสงสารของสารวัตรยามาดะเคนจึงได้เข้ามาทำงานเป็นตำรวจในสถานีตำรวจประจำโตเกียว ชีวิตของเขาในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยทีเดียว
เซย์กิ เคน เด็กน้อยที่น่าสงสารในอดีต ตอนนี้เขากลายเป็น ผู้หมวดเซย์กิ เคน ตำรวจประจำหน่วนสืบสวนสอบสวนสถานีโตเกียว แม้จะไม่ได้วิ่งจับผู้ร้ายเหมือนตำรวจคนอื่น ๆ เนื่องด้วยปัญหาโรคหอบหืดของเขาเองแต่เขาก็ดีใจที่ได้ทำอาชีพนี้ มันทำให้เขารู้สึกถึงการมีชีวิต แม้เขาเกือบจะไม่ได้มีก็ตาม งานส่วนใหญ่ที่เคนทำคือการเขียนรายงานคดี สรุปคดี และมีลงพื้นที่บ้างประปราย
กริ๊งงง
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะของเขาดังขึ้น เขาเอื้อมมือยกโทรศัพท์แนบหูและรอให้ปลายสายพูด
“เคน มาหาฉันที่โต๊ะหน่อย” สารวัตรยามาดะพูดขึ้นจากปลายสาย
“ครับ” เขาตอบไปเรียบ ๆ ก่อนที่จะวางงานเอกสารที่กองพะเนินไว้ และเดินไปที่ห้องของอีกคน

“เราได้รับแจ้งคดีมา มีผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิตในห้องพักของตัวเอง ฉันอยากให้นายไปที่เกิดเหตุและสรุปสาเหตุ การตายมาให้ที และนี่เป็นข้อมูลบางส่วน รับไปสิ” สารวัตรยามาดะพูดพร้อมยื่นแฟ้มเอกสารคดีให้เขา
“รับทราบครับ “ เคนรับแฟ้มเอกสารมามาก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะและเปิดดู
เคน และเจ้าหน้าที่อีกสองคนเดินทางไปที่เกิดเหตุ อะพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งไม่ไกลจากสถานีตำรวจนักทันทีที่เขาเปิดประตูห้องเข้าไปกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็ตีขึ้นมาทันที กลิ่นชวนคลื่นไส้สะอิดสะเอียนตีคู่กับกลิ่นของแอลกอฮอลล์ที่คละคลุ้ง เดินฝ่ากลิ่นเหล้านั้นเข้าไปก็พบกับร่างหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่ เมื่อทำการตรวจสอบก็พบว่าตามร่างกายของผู้ตายมีรอยช้ำที่เห็นได้ค่อนข้างชัดเจนหลายจุดทั่วร่างกาย ภายในห้องรับแขกเล็ก ๆ นั้นกระป๋องเบียร์วางกระจัดกระจายทั่วห้อง รอยลิปสติกบนกระป๋องก็ทำให้สันนิษฐานได้อีกว่ากระป่องเหล่านั้นเป็นของผู้ตายและผู้ตายได้ดื่มเข้าไปเยอะพอสมควร
หลังจากที่เคนได้สอบถามเพื่อนบ้านและคนระแวกนั้นก็ได้ทราบว่าผู้ตายชื่อคุณอิจิโกะ ก่อนหน้านี้ผู้ตายได้อาศัยอยู่กับแฟนหนุ่ม แต่พักหลังมานี้ทั้งคู่มีปากเสียงกันค่อนข้างบ่อย และหลังจากนั้นไม่นานก็ไม่เคยเห็นฝ่ายชายมาที่อะพาร์ทเมนต์อีกเลย ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเก็บหลักฐานจากที่เกิดเหตุกันอยู่นั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งฝ่ากลุ่มคนที่ยืนมุงอยู่เข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นหรอคะ” เธอถามออกมาด้วยหน้าตาที่เรียบเฉยแต่เคนก็สังเกตเห็นมือที่สั่นระริกของเธอได้พอดี
“ต้องขอโทษที่รบกวนด้วยครับ พอดีเกิดอุบัติเหตุกับเจ้าของห้องนี้น่ะครับ” เขาตอบเธอกลับไป
“อุบัติเหตุ...เหรอคะ” เธอย้ำคำตอบของเคนอีกครั้ง
“ครับ เธอดื่มเเอลกอฮอล์มากเกินไป..ดะ เดี๋ยวก่อนครับ คุณเข้าไปไม่ได้” ยังไม่ทันที่เคนจะได้พูดจบเธอก็แหวกกลุ่มของเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าหน้าที่เกิดเหตุเข้าไปเสียแล้ว
“ขอโทษนะครับ เราเกรงว่าคุณจะ...เอ่อ ขะ เข้าไปไม่ไม่ได้นะครับ”

เจ้าหน้าที่พยายามบอกเธอและรั้งแขนเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้เข้าใกล้ที่เกิดเหตุไปมากกว่านี้ แต่ก็ไม่เป็นผล เธอสะบัดแขนของเจ้าหน้าที่ออกก่อนที่จะวิ่งเข้าไปและหยุดนิ่งอยู่หน้าศพของผู้ตายก่อนที่เจ้าหน้าที่จะรีบนำตัวเธอออกไปจากที่เกิดเหตุ
หลังจากที่เก็บหลักฐานและเดินทางกลับไปที่สถานีเคนก็พยายามติดต่อแฟนหนุ่มของผู้ตายจากหมายเลขโทรศัพท์จากมือถือของผู้ตาย ใช้เวลาไม่นานก็สามารถติดต่อเขาได้ และได้เรียกเขามาให้ปากคำที่สถานีทันที
และใช้เวลาไม่นานนักเแฟนหนุ่มของผู้ตายก็เดินทางมาที่สถานี ทานากะ ชินตะ เขาแนะนำตัวเองเช่นนัั้น
“คุณทานากะ ครั้งล่าสุดที่คุณไปที่ห้องคุณอิจิโกะคือวันไหนครับ” เคนเริ่มถามคำถามทันทีที่พาเขาเข้ามาในห้องสืบสวน
“เอ่อ… เมื่อ2-3อาทิตย์ก่อนครับ พอเลิกกันผมก็ไม่ได้กลับไปเลย” เขาตอบแต่ไม่สบตา ทำเหมือนเคนกำลังทำให้เขาเสียเวลา
“รอยช้ำบนร่างกายของคุณอิจิโกะ คุณเป็นคนทำใช่ไหมครับ” เคนถามคำถามพร้อมยื่นรูปรอยฟกช้ำบนตัวผู้รายให้อีกคนดู
“ครับ คือจริง ๆ แล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจ แต่ครับผมเป็นคนทำเอง เเต่ก็แค่ตอนที่คบกัน”
ในขณะที่เคนถามคำถามไปเขาก็สังเกตเห็นพฤติกรรมน่าสงสัยจากตัวอีกคน ชินตะมักจะมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือของตัวเองบ่อย ๆ และดูไม่ค่อยใส่ใจกับคำถามของเขาแม้แต่น้อย
“ไม่ทราบว่าผมกำลังรบกวนอะไรคุณอยู่หรือเปล่าครับคุณทานากะ ผมต้องขออภัยที่เชิญคุณมาให้ปากคำในเวลาเร่งด่วนแบบนี้นะครับ” เคนพูดออกไปอย่างสุภาพแต่ก็พยายามสังเกตพฤติกรรมอีกฝ่ายให้มากที่สุด
“ครับ ผมเข้าใจดี แต่ก็นั่นแหละครับนี่เวลางานของผม” ทานากะละสายตาจากนาฬิกาข้อมือและเงยหน้ามองคู่สนทนา “จริง ๆ การที่คุณมาสอบปากผมก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกครับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม เราเลิกกันก่อนเรื่องนี้จะเกิดสักพักแล้ว” เขาพูดออกมาอย่างไม่ยี่หระ ซึ่งเคนก็คิดเหมือนนี่อีกคนพูดเช่นกัน
เคนไม่พูดอะไรหลังจากได้ยินคำตอบของอีกคน เขากำลังใช้สมองในการประติดประต่อสาเหตุการตายของคดีนี้ ซึ่งจากการตอบคำถามสองสามข้อนั้นก็พอที่จะเข้าใจรูปคดีได้พอสมควร
“ถ้าคุณไม่มีอะไรจะถามแล้ว เอาเป็นว่าผมขอตัวเลยแล้วกันนะครับ ผมไม่อยากเสียเวลางานของผมสำคัญมาก” ทันทีที่ทานากะพูดจบเขาก็รีบลุกขึ้น “แล้วผมก็คงไม่ว่างมานั่งให้ปากคำอะไรกับคุณอีก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม ขอตัว” เขาเอนตัวเข้ามาใกล้ ๆ เคนและพูดด้วยน้ำเสียงบนรำคาญก่อนที่จะรีบเดินออกไป
เคนกลับมานั่งที่โต๊ะที่มีแต่กองเอกสารของเขา มือเอื้อมหยิบกล่องหลักฐานที่ไปเก็บมาวันนี้ทั้งกระป่องเบียร์ โทรศัพท์มือถือ ใบนัดแพทย์และยาสำหรับโรคซึมเศร้าที่ลงชื่อผู้ป่วยว่าอิจิโกะ เขามองดูสิ่งของเหล่านั้นและเริ่มปะติดปะต่อรูปคดี บางทีมันอาจจะเป็นการฆ่าตัวตายก็ได้ เขาคิดเช่นนั้นก่อนที่จะเริ่มพิมพ์สรุปคดีลงในคอมพิวเตอร์

ผู้ตาย : ซากาโมโตะ อิจิโกะ
อายุ : 29 ปี
สาเหตุการตาย : ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงเกิน 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

[ปิดคดี]


ไม่มีอะไรจะสุขใจไปกว่าการที่ปิดคดีได้อีกแล้ว เคนคิดเช่นนั้น หลังจากที่จบคดีของคุณอิจิโกะเวลาก็ผ่านไปเดือนกว่าเห็นจะได้ เจ้าหน้าที่คนอื่นก็ได้รับช่วงต่อจากเขาในการติดต่อญาติผู้ตายและคอยติดตามเรื่องของคดีให้เสร็จเรียบร้อย แต่ไม่นานมานี้ทางสถานีได้รับแจ้งว่าคุณทานากะ ชินตะถูกฆาตกรรมเสียชีวิต โดนคนร้ายยังคงลอยนวลอยู่ แต่ก่อนที่เคนจะได้เข้าไปตรวจสอบ เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเขาก็ดังขึ้น
กริ๊งงง
“เคน มาหาฉันที่โต๊ะหน่อย” สารวัตรยามาดะพูดขึ้นจากปลายสาย เคนรู้ได้เลยว่าเขาจะได้เริ่มคดีใหม่ในไ่ม่ช้า
“ครับ” เขาตอบกลับไปก่อนที่จะรีบเดินไปหาสารวัตรยามาดะทันที
“รับไปสิ” เขายืนแฟ้มคดีมาให้เช่นเดิม เคนเปิดมันออกกวาดตามองดูข้อมูล
“วันพรุ่งนี้จะมีงานประมูลของเก่าที่บ้านฮาตาโอกะ ยูกิ สายเรารายงานมาว่าของส่วนใหญ่นั้นนำเข้ามาแบบ
ผิดกฏหมาย ฉันอยากให้นายเข้าไปสืบดูว่านอกจากของสะสมผิดกฏหมายแล้วยังมีอะไรที่น่าสงสัยอีกไหม งานนี้เป็นงานสองวันหนึ่งคืน เพราะฉะนั้น เก็บข้อมูลมาให้ได้มากที่สุดล่ะ” สารวัตรยามาดะอธิบายข้อมูลคดีคร่าว ๆ ก่อนที่จะปล่อยให้เคนดำเนินการต่อ
ดูท่าทางจะเป็นคดีเร่งด่วนเพราะเป็นเรื่องของผู้มีอิทธิพลอันดับต้น ๆ ของโตเกียว คดีฆาตกรรมนั้นจึงต้องส่งให้ฝ่ายอื่นเป็นคนดูแลแทน ความสนใจของเคนถูกเปลี่ยนมาเป็นแฟ้มคดีตรงหน้า หน้าที่สายลับของเขากำลังจะเริ่มขึ้น
แต่ก่อนที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในงานของผู้ที่มีอิทธิพลนั้นก็จะต้องแต่งตัวให้ดูภูมิฐานสักหน่อย จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเขาคือตำรวจปลอมตัวเข้ามา เสื้อสูทสีดำทับกับเสื้อยืดสีขาว รองเท้าหนังที่ขัดจนเงาวับ นาฬิกาสีเงินเรือนหรูถูกหยิบออกมาใส่ลงบนตัวของเซย์กิ เคน ก่อนที่เขาจะขับรถเดินทางออกไปยังเป้าหมาย
รถสีดำของเคนเคลื่อนตัวมาจอดอยู่ที่ตีนเขา เพื่อรอรถรับ-ส่งจากงานออกมารับเข้างาน รอไม่นานนักก็มมีรถออกมารับและขับเข้าไปจอดที่บ้านหลังใหญ่สไตล์ยุโรป ประดับตกแต่งกำแพงบ้านด้วยไม้เลื้อยสีเขียวดูเป็นธรรมชาติสบายตา แต่นั่นก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเคนแม้แต่น้อย ใจของเขาจดจ่ออยู่กับภารกิจที่ได้รับมอบหมายมา เป้าหมายของเขาอยู่ข้างในบ้านนั้นต่างหาก
สองเท้าก้าวผ่านประตูสีขาวขนาดใหญ่เข้าสู่ภายในบ้านหลังใหญ่พื้นของทางเดินปูด้วยไม้ขัดเงาอย่างดี
แชนเดอเลียร์ตัวใหญ่ที่ห้อยอยู่บนเพดานทำเอาเคนต้องแหงนหน้ามอง เป็นการตกแต่งที่ผสมผสานความเรียบง่ายและหรูหราได้อย่างลงตัว
“สวัสดีครับ” บริกรหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนต้อนรับอยู่เอ่ยขึ้น
เคนก้มหัวให้เล็กเป็นการโต้ตอบ และบริกรหนุ่มก็นำทางเขาไปยังห้องรับประทานอาหารที่ประดับตกแต่งอย่างหรูหราไม่แพ้บริเวณด้านนอก กำแพงสีไข่ดูสว่างสบายตา ประกอบกับผ้าม่านปักลายลูกไม้อย่างวิจิตร แชนเดอเลียร์ตัวใหญ่ที่ห้อยลงมาส่องแสงให้ทั่วทั้งห้อง บริเวณกลางห้องมีโต๊ะตัวยาวที่คลุมด้วยผ้าสีขาวโดยมีจานชามช้อนซ่อมมีดและเครื่องเคลือบเครื่องเงินวางอยู่บนโต๊ะีอีกที และตอนนี้แขกจำนวนหนึ่งก็มาถึงแล้ว
งานประมูลเริ่มขึ้นอย่างเรียบง่ายพร้อมกับอาหารหลากหลายชนิดที่นำมาเสิร์ฟให้อย่างไม่ขาดสาย เคนพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับงานมากที่สุดและพยายามที่จะเก็บข้อมูลไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขากวาดสายตามองแขกทีละคนจนไปสบตาก้บผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะฝั่งขวามือของเขา เธอจ้องมาที่เคนจนทำให้เขาต้องหลบสายตาคู่น้้นและพยายามทำตัวให้กลมกลืนมากที่สุด

ไม่นานผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากเธอก็ลุกขึ้น สุมิเระ เคนได้ยินผู้หญิงคนนั้นเรียกเธอ ทันทีที่เขาเหลือบก็ทำให้เขาอึ้งไม่น้อย ผู้หญิงที่ชื่อสุมิเระนั่นคือผู้หญิงที่เขาเคยเจอเมื่อเดือนก่อนที่ห้องของคุณอิจิโกะ
เธอมาทำอะไรที่นี่กันนะ
เขาได้แต่คิดอยู่ในใจแต่ความสนใจก็ถูกเบนไปยังผู้หญิงที่อยู่ตรงหัวโต๊ะคนนั้นอีกครั้ง เธอจ้องมาที่เขาก่อนที่จะยกยิ้มให้ ไม่กี่อึดใจเธอก็เดินเข้ามาหาเขาพร้อมแก้วไวน์ 2 ใบ
“ดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหมคะ” เธอเป็นคนเริ่มบทสนทนา เคนแปลกใจว่าทำไมเธอถึงมุ่งเป้ามาหาเขาทั้ง ๆ ที่ในห้องที่ก็มีแขกหลายคนที่น่าเข้าหาอย่างน้อยก็มากกว่าเขา
“ทำไมถึงชวนผม” เคนเอ่ยถามไปอย่างไม่อ้อมค้อม
“คนที่นี่มีแต่เด็กๆ คุณไม่คิดว่าพวกเขาคุยกันคนละภาษากับเราเหรอ” เธอตอบกลับมาเช่นนั้น
เคนทอดสายตามองรอบ ๆ โต๊ะหรู ก็จริงอย่างที่เธอว่าแขกที่มาส่วนใหญ่ก็มีแต่วัยรุ่นทั้งนั้น ก็ไม่แปลกใจที่เธอจะเลือกเขาเป็นคู่สนทนาและจากที่เขาดูสถานการณ์ภายในบ้านหลังใหญ่นี้แล้วก็ยังไม่มีเบาะแสอะไรเพิ่มเติม เขาจึงเริ่มผ่อนคลายและดื่มด่ำไปกับงานเลี้ยงที่แสนหรูหราและผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้
บทสนทนาดำเนินต่อไปอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด ทั้งคู่ต่างแนะนำตัวของกันและกัน ชื่อของเธอคือ ซากาโมโตะ ซากุระ เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน เธอเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจสูง คำพูดคำจาของเธอดูเป็นผู้ดีแต่ก็แฝงด้วยท่าทางเย่อหยิ่งเล็กน้อย เธอไม่เหมือนผู้หญิงญี่ปุ่นคนอื่น ๆ ที่เขาเคยเจอ ด้วยท่าทางนั้นก็ทำให้เคนเริ่มสบายใจที่ได้คุยกับเธอขึ้นมาเล็กน้อย
แก้วไวน์ถูกยกขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า รสสัมผัสแสนหวานของมันทำให้ยากที่จะวางลง สติพร่าเลือนทำให้ปากเปราะ เคนพูดพล่ามถึงเรื่องงานและอาชีพจริง ๆ ของเขาให้คนตรงหน้าฟ้งอย่างหมดไส้หมดพุง รวมถึงคดีที่เขาเพิ่งจะปิดมันไปเมื่อไม่นานมานี้ด้วย และคนตรงหน้าก็ทำได้เพียงยิ้มและรับฟัง เธอคอยเติมไวน์ในแก้วของเคนให้เต็มอยู่เสมอ และเขาก็ดื่มมันหมดรวดเดียวเช่นกัน
แอลกอฮอล์เริ่มออกฤทธิ์ช้า ๆ ใบหน้าของเคนแดงระเรื่อหลังจากดื่มไปได้ 5-6 แก้ว สติพร่าเลือน มึนงง แค่จะยืนตรง ๆ ก็ทำแทบไม่ได้ ดูท่าเขาจะต้องพอเสียก่อน
“ผมขอตัวไปนอนก่อนนะ” เคนพูดมึมมำกับคุณซากุระก่อนที่จะลากสังขารของตัวเองเดินขึ้นบันไดไป เธอไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเพียงแต่ก้มหัวให้เล็กน้อยเป็นคำตอบ
“เรื่องงานไว้ค่อยว่ากันพรุ่งนี้ก็แล้ว...อึ้ก...กัน” เขาพูดกับตัวเองไปสะอึกไป
สองเท้าก้าวเดินอย่าโซซัดโซเซด้วยความมึนเมา เคนใช้มือจับราวทางเดินเพื่อประคองไม่ให้ตัวเองล้มลงก่อนจะถึงห้องพัก เขาพาตัวเอามาหยุดอยู่หน้าห้องพักได้สำเร็จ มือล้วงกระเป๋าหยิบลูกกุญแจ แต่ก่อนที่จะเสียบมันเข้ากับลูกบิดประตูก็เกิดเสียงหนึ่งขึ้นที่อีกฝากของทางเดิน
เสียงของคนสองคนกำลังมีปากเสียงกันลั่นทางเดิน ตามมาด้วยเสียงโครมครามและเสียงนั้นก็เงียบหายไป เคนพยายามเดินตามต้นเสียงนั้นจนได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ร่างผู้ชายที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น มือของเธอกำมีดอาบเลือดไว้แน่น เนื้อตัวของเปรอะไปด้วยเลือด เขาเห็นเพียงแผ่นหลังของเธอเท่านั้นและพยายามจะหลบอีกคนแต่นั่นก็ไม่เร็วพอ ทันทีที่เธอหันมาสบตา เขาก็ถึงกับประหลาดใจ เธอคือผู้หญิงเรียบร้อยคนนั้นที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับคุณสุมิเระ เคนจำได้ไม่ผิด ผู้หญิงที่ดูอ่อนหวานคนนั้นตอนนี้สายตาของเธอเปลี่ยนไป แววตาของเธอไม่ต่างอะไรกับสัตว์ร้ายที่พร้อมจะกัดกินฉีกทึ้งร่างของเหยื่ออยู่ทุกเมื่อ
เธอสาวเท้าเข้ามาใกล้เขา ปลายมีดถูกยกขึ้นมาจ่อที่เขา เขาพยายามถอยหนีแต่เธอก็เร่งฝีเท้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เธอออกแรงทั้งหมดที่มีแทงมีดเข้ามาหาเขา แต่ด้วยแรงที่เยอะกว่าเขาจึงจับข้อมือเธอไว้ได้ทั้งสองยื้อกันอยู่สักพักจนเธอเริ่มอ่อนแรง แต่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เพิ่มดื่มเข้าไปทำให้เขามึนหัวหนักกว่าเดิมจนเซล้มลง ผู้หญิงคนนั้นแย่งมีดจากมือของเขาไปทันทีที่มีโอกาส เธอเงื้อมือที่ถือมีดขึ้นหวังจะแทงเขาอีกครั้ง

ภาพในคืนวันนั้นกลับมาในหัวของเคนอีกครั้ง คืนนรกนั่น คืนที่เขาไม่อยากแม้แต่จะจำ ภาพพ่อเลี้ยงชั่วคนนั้นซ้อนทับผู้หญิงตรงหน้า เขาไม่รู้ว่ามันเกิดจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรืออะไรแต่มันทำให้ใจของเขาสั่นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก เขาใช้มือปัดป่ายการเข้ามาของเธอเขาพยายามเอาชีวิตรอดทั้งในชีวิตจริงและในจิตนาการที่เขาสร้างขึ้นในหัว
เคนออกแรงทั้งหมดที่มีแย่งมีดมาจากเธอได้ แต่ภาพตรงหน้าของเขาไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว แต่เป็นภาพของพ่อเลี้ยงที่สาวเท้าเข้ามาใกล้แทน เขาถอยหลังหนีจนหลังชิดกับมุมของทางเดิน
"ออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าเข้ามา" เคนตะคอกเสียงสั่น

แต่คนตรงหน้าก็ไม่มีท่าจะล่าถอยไป เธอกระโจนเข้ามาประชิดตัวของเขา มือทั้งสองข้างเขย่าตัวของเขาอย่างบ้าคลั่ง เคนสติแตกร้องลั่นก่อนที่จะใช้มีดที่ถืออยู่แทงเข้าที่อกของคนตรงหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแผลเหวอะหวะ เลือดของเถอะกระเด็นเปรอะแว่นตาจนเขามองไม่เห็นอะไรนอกจากสีแดงของมัน และในที่สุดเธอก็ล้มลงไปนอนกับพื้นและกองเลือดที่ไหลทะลักออกจากตัวของเธอ
เคนหายใจหอบ เขาพยายามรวบรวมสติสูดอากาศทั้งหมดที่มีเข้าปอด เขากระชากแว่นเปรอะเลือดที่บดบังการมองเห็นจนน่ารำคาญของเขาออก เมื่อทุกอย่างสงบลงสติอันเล็กน้อยที่เหลืออยู่ของเขาก็กลับมา เขามองผลจากการกระทำของบนพื้นอย่างหวาดกลัว เซย์กิ เคน ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงเป็น เซย์กิ เคน
เขาฆ่าคน

ทันทีที่สติของเขากลับคืน อาการหายใจหอบของเขาก็กำเริบอีกครั้ง เขาหายใจหอบถี่ มือกุมหน้าอกที่อยู่ ๆ ก็กลับร้อนผ่าวขึ้นมา มืออีกข้างลวงกระเป๋ากางเกงหยิบเครื่องผ่นยาออกมา ยัดใส่ปากและกดปุ่มเพื่อให้ตัวยาช่วยบรรเทาอาการ แต่ก็ไม่เป็นผล อาการในครั้งนี้มันหนักและรุนแรงกว่าที่เคย มีบางอย่างผิดปกติไป เขาไอถี่ขึ้น ถี่ขึ้น ร่างทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ร่างกายร้อนผ่าวขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนถูกไฟเผาอยู่ข้างใน อาการไอเริ่มถี่ขึ้นจนมีเลือดไหลออกมา การมองเห็นเริ่มพร่ามัวเข้าไปทุกที

หรือเขากำลังจะตาย
"ไวน์...ขวดนั้น" เขาพูดออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยลมหายใจสุดท้ายที่เหลืออยู่ ก่อนที่หน้าจะฟุบลมไปกับพื้นและกองเลือดของเหยื่อที่ตัวเองฆ่า





ทำไมกัน...ทำไม


 
 
 

Comments


bottom of page